วันเสาร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2556

หลักกฏแห่งกรรม

หลักกรรม หรือกฎแห่งกรรมมีอยู่ว่า“บุคคลทำกรรมใดไว้  ดีก็ตามชั่วก็ตาม  เขาย่อมต้องรับผลแห่งกรรมนั้น”

แต่เนื่องจากกรรมบางอย่างหรือการกระทำบางคราวไม่มีผลปรากฏชัดในทันที
ผู้มีปัญญาน้อยจึงมองไม่เห็นผลแห่งกรรมของตน  ทำให้สับสน  และเข้าใจไขว้เขว
เพราะบางทีกำลังทำชั่วอยู่แท้ๆ  กลับมีผลดีมากมาย  เช่น  ลาภ  ยศ  สรรเสริญ  สุข  หลั่งไหลเข้ามาในชีวิต
ตรงกันข้าม  บางคราวกำลังทำความดีอยู่อย่างมโหฬาร
แต่กลับได้รับความทุกข์ทรมานต่างๆ  มีผลไม่ดีมากมาย
เช่น  ความเสื่อมลาภ  เสื่อมยศ  ถูกนินทาว่าร้าย  ถูกสบประมาท  และความเจ็บไข้ได้ป่วยหลั่งไหลเข้ามาในชีวิต
ความสลับซ้อนดังกล่าว  ทำให้ผู้รับผลของกรรมสับสน
เกิดความไม่แน่ใจว่า  สิ่งที่ตนทำนั้นเป็นความชั่วจริงๆ  หรือ?  เป็นความดีจริงๆ หรือ?
ตามความเป็นจริงแล้ว….
กรรมชั่วที่เขากำลังทำอยู่ยังไม่ทันให้ผลกรรมดีที่เขาเคยทำไว้ก่อนถึงวาระให้ผลในขณะที่คนผู้นั้นกำลังทำชั่วอยู่
จึงทำให้เขาได้รับผลดี  ถ้าเปรียบทางวัตถุก็จะมองเห็นง่ายขึ้น
เช่น  คนๆ หนึ่งกำลังปลูกต้นไม้อันเป็นพิษอยู่  มีผลไม้หอมหวานอร่อยสุกมากมายในสวนของเขา
เขาได้ลิ้มรสอันอร่อยของผลไม้ซึ่งเขาปลูกไว้ก่อน
ต่อมาต้นไม้มีพิษออกผลในขณะที่เขากำลังปลูกต้นไม้ที่มีผลอร่อยอยู่เขาบริโภคผลไม้มีพิษรู้สึกได้รับทุกขเวทนา
ข้อนี้ฉันใด  กรรมกับผู้กระทำกรรมก็ฉันนั้น  กรรมดีย่อมให้ผลดี  กรรมชั่วย่อมให้ผลชั่ว
แต่เพราะกรรมจะให้ผลก็ต่อเมื่อสุกเต็มที่แล้ว  และมีความสลับซับซ้อนมากจึงทำให้งง
ทั้งนี้สาเหตุหนึ่งก็เพราะสติปัญญาของคนทั่วไปมีอยู่อย่างจำกัด
เหมือนแสงสว่างน้อยๆ  ไม่พอที่จะส่องให้เห็นวัตถุอันสลับซับซ้อนอยู่มากมายในบริเวณอันกว้างใหญ่
และบริเวณนั้นถูกปกคลุมอยู่ด้วยความมืด
เมื่อใดดวงปัญญาของเขาแจ่มใสขึ้น  เขาย่อมมองเห็นความเป็นจริง 
ปัญญาของเขายิ่งแจ่มใสขึ้นเพียงใด  เขาย่อมสามารถมองเห็นเรื่องกรรม
และความซับซ้อนของชีวิตมากขึ้นเพียงนั้น  เหมือนแสงสว่างมีมากขึ้นเพียงใด
ผู้มีจักษุปกติย่อมสามารถมองเห็นวัตถุอันละเอียดมากขึ้นเพียงนั้น
สิ่งใดละเอียดมากเช่นเชื้อจุลินทรีย์  มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น 
นักวิทยาศาสตร์เขาใช้เครื่องมือคือกล้องจุลทรรศน์ซึ่งมีอานุภาพขยายเป็นพันๆ  เท่าของวัตถุจริง
จึงทำให้มองเห็นได้  สิ่งใดอยู่ไกลมาก  ระยะสายตาธรรมดาไม่อาจทอดไปถึงได้
นักวิทยาศาสตร์เขาใช้กล้องส่องทางไกล
จึงสามารถมองเห็นได้เหมือนวัตถุซึ่งปรากฏอยู่ ณ ที่ใกล้  ข้อนี้ฉันใด
ผู้ได้อบรมจิตและปัญญาแล้วก็ฉันนั้น
เป็นนักวิทยาศาสตร์ทางจิตสามารถเห็นได้ละเอียด
รู้ได้ไกลซึ่งเรื่องกรรมและผลของกรรมชนิดที่สามัญชนมองไม่เห็นหรือมองให้เห็นได้โดยยากทั้งนี้เพราะท่านมีเครื่องมือ
คือปัญญาหรือญาณ  สามัญชนไม่มีปัญญาหรือญาณเช่นนั้น  จึงมองไม่เห็นอย่างที่ท่านเห็น
เมื่อท่านบอกให้  บางคนก็เชื่อตาม  บางคนไม่เชื่อ  ใครเชื่อก็เป็นประโยชน์แก่เขาเอง
ทั้งด้านการดำเนินชีวิตและจิตใจหาความสุขได้เอง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น